
หากคุณกำลังมองหาโอกาสในการเข้าสู่โลกของตลาดการเงิน การเทรดฟอเร็กซ์ (Forex Trading)
หรือการซื้อขายเงินตราต่างประเทศ ถือเป็นหนึ่งในโอกาสที่น่าสนใจ เนื่องด้วยมูลค่าการซื้อขายรายวันกว่า
6 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ตลาดฟอเร็กซ์จึงกลายเป็นตลาดการเงินที่ใหญ่และมีสภาพคล่องมากที่สุดในโลก
สำหรับใครที่เป็นนักเทรดมือใหม่ ก็คงไม่ต้องกังวล! บทความนี้จะช่วยอธิบายให้คุณเข้าใจว่า
การเทรดฟอเร็กซ์คืออะไร ขนาดและสภาพคล่องของตลาด เวลาทำการของตลาด
และเหตุผลที่ทำให้ฟอเร็กซ์อาจเป็นหนึ่งตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับอาชีพนักเทรดมือสมัครเล่น
การเทรดForexคืออะไร?
การเทรดฟอเร็กซ์ (ForexหรือFX)คือการซื้อขายสกุลเงินต่างประเทศในตลาดโลก
แตกต่างจากหุ้นหรือสินค้าโภคภัณฑ์ เพราะฟอเร็กซ์มีการซื้อขายเป็นคู่สกุลเงิน เช่นEUR/USD
นั่นหมายความว่าคุณกำลังคาดการณ์การเคลื่อนไหวของอัตราแลกเปลี่ยนระหว่างสองสกุลเงินนี้นั่นเอง
เป้าหมายของการเทรดฟอเร็กซ์คือการทำกำไรจากความผันผวนของค่าเงิน
หากคุณคาดว่าค่าสกุลเงินหนึ่งจะแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับอีกสกุลหนึ่ง คุณจะ “ซื้อ” คู่สกุลเงินนั้น
ในทางกลับกันหากคุณคาดว่าจะอ่อนค่าลง คุณก็จะ “ขาย” คู่นั้นออกไป
นอกจากนี้การซื้อขายในตลาดฟอเร็กซ์เกิดขึ้นในรูปแบบ ตลาดแบบกระจายศูนย์ (Decentralized Market)
ซึ่งไม่มีศูนย์กลางกลางในการแลกเปลี่ยน จึงทำให้การทำธุรกรรมเกิดขึ้นโดยตรงระหว่างผู้ซื้อและผู้ขาย
ขนาดของตลาดฟอเร็กซ์
เมื่อกล่าวถึงขนาดของตลาดฟอเร็กซ์ เราคงจะเห็นได้ว่าฟอเร็กซ์เป็นตลาดการเงินที่ใหญ่ที่สุดในโลก
ด้วยมูลค่าการซื้อขายรายวันสูงกว่า 6 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งมากกว่ามูลค่ารวมของตลาดหุ้นทั่วโลก
ขนาดที่ไม่อาจเทียบได้
ขนาดที่ใหญ่ของตลาดForexเปิดโอกาสให้มีการซื้อขายอยู่ตลอดเวลา โดยไม่กระทบกับราคาอื่น ๆ
ด้วยเหตุนี้จึงทำให้นักเทรดสามารถเข้าและออกจากสถานะได้อย่างรวดเร็ว
ไม่ว่าจะเป็นมือใหม่หรือผู้เชี่ยวชาญ ก็สามารถเทรดได้อย่างราบรื่น
โครงสร้างแบบกระจายศูนย์
ต่างจากตลาดหุ้นที่มีศูนย์กลางการซื้อขาย ตลาดฟอเร็กซ์กระจายอยู่ทั่วโลกและมีผู้เข้าร่วมจากทุกมุมโลก
ทำให้ตลาดเปิดทำการตลอด 24 ชั่วโมง 5 วันต่อสัปดาห์ โดยไม่มีศูนย์ชำระราคากลาง
และธุรกรรมทั้งหมดเกิดขึ้นโดยตรงระหว่างผู้ซื้อขาย
ทำไม “ขนาดของตลาด” ถึงสำคัญสำหรับนักเทรดฟอเร็กซ์?
- มีคู่สกุลเงินให้เลือกเทรดหลากหลาย
- มี “Market Depth”ที่ลึก ช่วยเพิ่มสภาพคล่อง
- ความผันผวนต่ำในคู่สกุลเงินหลัก เพราะปริมาณการซื้อขายสูง
ปริมาณการซื้อขายในตลาดฟอเร็กซ์
ปริมาณการซื้อขาย (Trading Volume)หมายถึงจำนวนของธุรกรรมที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาหนึ่ง
ด้วยมูลค่าการซื้อขายมากกว่า 6 ล้านล้านดอลลาร์ต่อวัน
ตลาดฟอเร็กซ์จึงมีความได้เปรียบในแง่ของปริมาณและความมั่นคง
สภาพคล่อง (Liquidity)
ตลาดForexมีสภาพคล่องสูงเป็นพิเศษ นักเทรดสามารถเปิดและปิดสถานะได้อย่างรวดเร็ว
โดยมีความคลาดเคลื่อนของราคาต่ำมาก
ผลกระทบต่อตลาด
ปริมาณการซื้อขายที่สูงช่วยให้ราคาของคู่เงินหลักมีเสถียรภาพ
อย่างไรก็ตามราคาอาจเกิดความผันผวนระยะสั้นในช่วงที่มีข่าวเศรษฐกิจหรือเหตุการณ์สำคัญระดับ
โลก เช่น การประชุมของธนาคารกลางหรือความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์
ประโยชน์ของปริมาณการซื้อขายที่สูง:
- สเปรดแคบ (ต่างระหว่างราคาBidและAsk)
- ลดความคลาดเคลื่อนของราคา (Slippage)
- เทรดได้ง่ายในทั้งคู่เงินหลักและรอง
สภาพคล่องในตลาดฟอเร็กซ์ (Liquidity)
สภาพคล่อง (Liquidity)หมายถึง ความง่ายในการซื้อหรือขายสกุลเงินโดยไม่ส่งผลกระทบต่อราคามากนัก
ตลาดฟอเร็กซ์ขึ้นชื่อเรื่องสภาพคล่องสูง จึงเป็นที่ดึงดูดใจของนักลงทุนทั่วโลก
●สเปรดแคบ
สภาพคล่องที่สูงช่วยให้ต้นทุนการเทรดต่ำลง โดยเฉพาะในกลยุทธ์ระยะสั้น
●ความคลาดเคลื่อนต่ำ
เมื่อมีสภาพคล่องสูง ความเสี่ยงของSlippageก็ลดลง
ช่วยให้คำสั่งซื้อขายของคุณได้ราคาที่ใกล้เคียงกับที่คาดไว้
●เข้าถึงได้ตลอด 24 ชั่วโมง
เนื่องจากตลาดฟอเร็กซ์ไม่มีศูนย์กลาง สภาพคล่องจึงมีอยู่ตลอดเวลาในช่วงวันจันทร์ถึงศุกร์
ข้อดีของสภาพคล่องสำหรับนักเทรด:
●ลดต้นทุนการทำธุรกรรม
●เพิ่มโอกาสในการได้ราคาที่ดีที่สุด
●เทรดปริมาณมากได้โดยไม่ส่งผลกระทบต่อราคา
เวลาทำการของตลาดฟอเร็กซ์: เทรดเวลาไหนดี?
อย่างที่กล่าวไปข้างถึงว่า ตลาดฟอเร็กซ์เปิดทำการ 24 ชั่วโมงต่อวัน 5 วันต่อสัปดาห์
แต่เนื่องจากดำเนินการตามเขตเวลา การซื้อขายจึงมีปริมาณและความผันผวนที่แตกต่างกันในแต่ละช่วง
ดังนี้:
ช่วงเวลาการซื้อขายหลัก (เวลาไทย):●ซิดนีย์:05:00–14:00น.
●โตเกียว:07:00–16:00น.
●ลอนดอน:15:00–00:00น.
●นิวยอร์ก:20:00–05:00น.
ช่วงเวลาที่ตลาดซ้อนทับกัน
ช่วงเวลาที่มีการซื้อขายหนาแน่นที่สุดคือช่วงที่ตลาดลอนดอนและนิวยอร์กเปิดพร้อมกัน
ทำให้มีสภาพคล่องและความผันผวนสูง เหมาะสำหรับนักเทรดที่ต้องการโอกาสทำกำไร
ทำไม “เวลาเทรด” ถึงสำคัญ?
●ใช้ประโยชน์จากช่วงเวลาที่มีสภาพคล่องสูง
●เลือกเวลาที่เหมาะกับตารางของคุณเอง
●ติดตามข่าวเศรษฐกิจที่อาจส่งผลต่อตลาด
ทำไมถึงควรเทรดForex?เหตุผลหลักที่คุณควรเริ่มต้น
มีเหตุผลมากมายที่ทำให้การเทรดForexเป็นโอกาสที่เหมาะสำหรับนักเทรดมือใหม่
ซึ่งบทความนี้เราจะมาพูดถึง 6 ข้อดีที่ทำให้ฟอเร็กซ์น่าสนใจ
1.สภาพคล่องมหาศาลด้วยปริมาณการซื้อขายรายวันกว่า 6 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ
ฟอเร็กซ์เป็นตลาดที่มีสภาพคล่องสูงที่สุดในโลก
คุณสามารถซื้อขายสกุลเงินได้ง่ายและได้ราคาที่ดีที่สุดในช่วงเวลานั้น
2.ตลาดเปิดตลอด 24 ชั่วโมง
ตลาดฟอเร็กซ์เปิดทำการตลอด 24 ชั่วโมงต่อวัน (จันทร์-ศุกร์)
ไม่ว่าคุณจะเป็นสายเทรดระยะสั้นหรือระยะยาว
ก็สามารถเลือกเวลาเทรดให้เหมาะกับไลฟ์สไตล์ของตนเองได้
3.มีเลเวอเรจให้ใช้
โบรกเกอร์ฟอเร็กซ์ส่วนใหญ่เสนอเลเวอเรจสูง
ซึ่งช่วยให้คุณควบคุมสถานะที่ใหญ่กว่าด้วยเงินลงทุนเริ่มต้นเพียงเล็กน้อย
อย่างไรก็ตามการใช้เลเวอเรจควรดำเนินการอย่างระมัดระวัง เนื่องจากอาจขยายทั้งกำไรและขาดทุน
4.ต้นทุนธุรกรรมต่ำ
โบรกเกอร์ฟอเร็กซ์ส่วนใหญ่ทำรายได้จาก “สเปรด” มากกว่าการเก็บค่าคอมมิชชัน
ทำให้ต้นทุนการซื้อขายต่ำ เหมาะกับนักเทรดที่มีการเปิดปิดสถานะบ่อยครั้ง
5.ช่วยกระจายพอร์ตการลงทุน
การเทรดฟอเร็กซ์เป็นอีกหนึ่งวิธีที่ช่วยให้คุณกระจายพอร์ตการลงทุนออกจากหุ้นหรือพันธบัตร
โดยตลาดฟอเร็กซ์ได้รับผลกระทบจากปัจจัยระดับโลก เช่น การค้าระหว่างประเทศ อัตราดอกเบี้ย
และเหตุการณ์ภูมิรัฐศาสตร์ ซึ่งช่วยเพิ่มโอกาสในการบริหารความเสี่ยง6.ทำกำไรได้ทั้งขาขึ้นและขาลง
นักเทรดสามารถทำกำไรได้ทั้งในช่วงที่ตลาดแข็งค่า (Long Position)และอ่อนค่า (Short Position)
ซึ่งแตกต่างจากตลาดหุ้นที่มักได้กำไรเฉพาะเวลาที่ราคาสูงขึ้น
การเทรดForexเหมาะกับคุณหรือไม่?
ด้วยขนาดตลาดมหาศาล สภาพคล่องสูง การเข้าถึงตลอด 24 ชั่วโมง และต้นทุนการเทรดต่ำ ตลาดForex
จึงเปิดโอกาสให้กับนักเทรดทุกระดับประสบการณ์
ไม่ว่าคุณจะต้องการเก็งกำไรในระยะสั้นหรือวางแผนลงทุนระยะยาว
ฟอเร็กซ์ก็มอบสภาพแวดล้อมที่ยืดหยุ่นและเต็มไปด้วยศักยภาพในการเติบโต
พร้อมเริ่มต้นเทรดฟอเร็กซ์แล้วหรือยัง?เปิดบัญชีเดโมกับAurraได้ฟรีวันนี้
เพื่อฝึกฝนกลยุทธ์การเทรดโดยไม่ต้องเสี่ยงใช้เงินจริง ตลาดฟอเร็กซ์รอคุณอยู่!
คำถามที่พบบ่อย (FAQs)
1. Forexต่างจากหุ้นอย่างไร?
การเทรดForexคือการซื้อขายคู่สกุลเงินในตลาดแบบกระจายศูนย์
ขณะที่การซื้อขายหุ้นคือการซื้อหุ้นของบริษัทผ่านตลาดหลักทรัพย์ ฟอเร็กซ์เปิดให้เทรด 24 ชั่วโมง
มีสภาพคล่องสูง ค่าธรรมเนียมต่ำ และใช้เลเวอเรจได้มากกว่า
แต่หุ้นอาจให้ผลตอบแทนในระยะยาวพร้อมปันผลซึ่งสกุลเงินไม่สามารถให้ได้
2.ต้องใช้เงินเท่าไรในการเริ่มต้นเทรดฟอเร็กซ์?คุณสามารถเริ่มเทรดฟอเร็กซ์ได้ด้วยเงินเพียง $100 กับโบรกเกอร์หลายราย แต่จำนวนเงินที่แนะนำคือ
$500–$1,000 เพื่อให้สามารถบริหารความเสี่ยงได้อย่างเหมาะสม โบรกเกอร์ชั้นนำมักมีบัญชีMiniและ
Micro Lotสำหรับผู้ที่เริ่มต้นเล็ก ๆ และหลายแห่งยังมีบัญชีเดโมให้ทดลองฝึกเทรดได้ฟรี
3.มือใหม่สามารถทำกำไรจากการเทรดฟอเร็กซ์ได้หรือไม่?
นักเทรดมือใหม่ก็สามารถเทรดฟอเร็กซ์ได้หากมีความรู้พื้นฐานที่ดี บริหารความเสี่ยงอย่างเคร่งครัด
และมีเป้าหมายที่เป็นจริง โดยงานวิจัยพบว่าส่วนใหญ่ของมือใหม่มักขาดทุนในช่วงแรก เพราะขาดวินัย
อารมณ์ไม่มั่นคง และไม่มีแผนการเทรดที่ชัดเจน ผู้เริ่มต้นที่ประสบความสำเร็จมักเริ่มจากบัญชีเดโม
เทรดเฉพาะคู่เงินหลัก ใช้เลเวอเรจอย่างระมัดระวัง และยึดมั่นในแผนการเทรดที่สม่ำเสมอ
4.คู่เงินใดได้รับความนิยมมากที่สุดในตลาดฟอเร็กซ์?
คู่เงินที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในตลาดฟอเร็กซ์ คือ
●EUR/USD:คิดเป็นประมาณ 28% ของปริมาณการซื้อขายทั่วโลก
●USD/JPY:ประมาณ 13%
●GBP/USD:รู้จักกันในชื่อ “Cable”ประมาณ 11%
●USD/CHF:รู้จักกันในชื่อ “Swissy”
●AUD/USD:หรือ “Aussie”
●USD/CAD:หรือ “Loonie”
5.สเปรดในฟอเร็กซ์คืออะไรและทำงานอย่างไร?สเปรด (Spread)คือส่วนต่างระหว่างราคาเสนอซื้อ (Bid)กับราคาขาย (Ask)ของคู่สกุลเงิน
โดยทั่วไปจะวัดเป็นหน่วย “pip”คู่สกุลเงินหลักอย่างEUR/USDมักมีสเปรดแคบ (1–2pips)
ขณะที่คู่สกุลเงินแปลกใหม่จะมีสเปรดกว้างกว่า
สเปรดอาจขยายออกในช่วงที่มีข่าวสำคัญหรือสภาพคล่องต่ำ
6.เลเวอเรจในฟอเร็กซ์คืออะไรและใช้งานอย่างไร?
เลเวอเรจ (Leverage)ช่วยให้คุณควบคุมสถานะขนาดใหญ่ด้วยเงินทุนเพียงเล็กน้อย เช่น หากมีเลเวอเรจ
100:1 คุณสามารถควบคุมสถานะ $100,000 ด้วยเงินเพียง $1,000 แม้เลเวอเรจช่วยเพิ่มโอกาสทำกำไร
แต่ก็เพิ่มความเสี่ยงในการขาดทุนเช่นกัน หากตลาดเคลื่อนไหวสวนทาง
คุณอาจขาดทุนมากกว่าเงินทุนเริ่มต้น จึงจำเป็นต้องมีการบริหารความเสี่ยงอย่างรอบคอบ
7.ช่วงเวลาใดดีที่สุดในการเทรดฟอเร็กซ์?
ช่วงที่เหมาะสมที่สุดคือเวลาที่ตลาด “ซ้อนทับกัน” โดยเฉพาะช่วงLondon-New York Overlap (ประมาณ
19:00-23:00 น. ตามเวลาไทย) เพราะเป็นช่วงที่มีสภาพคล่องสูง ความผันผวนมาก เหมาะสำหรับเทรดคู่
EUR/USD, GBP/USD,และUSD/JPYแต่เวลาที่ดีที่สุดจริง ๆ
ขึ้นอยู่กับคู่เงินที่คุณเลือกและไลฟ์สไตล์ของคุณ เช่น ช่วงตลาดเอเชียเหมาะกับคู่ที่มีJPY, AUDหรือNZD